วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สามเณรบุญนาค:คืนสู่ป่าเพื่อดัดใจ

สามเณรบุญนาค:คืนสู่ป่าเพื่อดัดใจ


ครั้นเดินไปตามทางกลางคืนวันนั้น ตั้งใจพิจารณาว่า "เจ้าวิชาอยู่ลุ่มลึกยิ่งนัก มาทำความวิจิกิจฉา สงสัยมิเข้าเรื่องเข้าการ อย่าเลยนะ เราจะต้องเข้าป่าเข้ารกเพื่อดัดสันดานความลุ่มหลงนี้ให้แยบคายลงไป" ครั้นเมื่อพิจารณาตกลงเช่นนั้น ก็เที่ยวเข้าไปหาที่สงบ อีก ๕ วันถึงแม่น้ำโขง แล้วก็เดินไปตามภูเขา อาศัยบิณฑบาตฉันตามบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีอยู่ตามชายเขา อีก ๓ วันถึงภูเขาคง แขวงเมืองคำทอง



ก็พักทำความเพียรอยู่ที่ถ้ำแห่งหนึ่งชื่อ ถ้ำสองห้อง และพักจำพรรษาอยู่ที่นั้น ในกลางพรรษานั้น บำเพ็ญทรมานอดข้าว ๗ วันฉันหนหนึ่ง จนตลอดพรรษา ในเดือนแรกนึกว่าชีวิตนี้จะตั้งอยู่ไม่ตลอด ๓ เดือน เพราะมีอาการเหน็บชาไปทั่วร่างกาย



ครั้นถึงวันคำรบ ๗ ก็ฉันข้าว ขณะที่ฉันลงไปประมาณครึ่งอิ่ม เกิดอาการอยากนอนขึ้นมา ครั้นฉันจนอิ่มก็มีอาการมืดหน้ามืดตา ถึงจะลืมตาอยู่ก็มองไม่เห็นอะไร มืดไปหมด ถึงจะลืมตาดูตะวันก็ไม่เห็นตะวัน อยากแต่จะนอนเสียให้ได้ เมื่อนอนอิ่มหนึ่งแล้วตื่นนอนขึ้นมา จึงมองเห็นอะไรต่ออะไรได้



ครั้นต่อมาเดือนที่ ๒ ก็ทำอย่างนั้นเรื่อยไป คือ ๗ วันฉันหนหนึ่ง ถึงวันคำรบ ๗ แล้วก็ออกบิณฑบาตมาฉัน ครั้นฉันก็มีรสดี แต่ฉันมากไม่ได้ ถ้าฉันมากจะอาเจียนออกมาหมด แต่ไม่ถึงกับมืดหน้ามืดตาเหมือนอย่างแต่ก่อน จากนั้นก็อุตส่าห์บำเพ็ญต่อไป



ในระหว่างนั้น วันไหนยังไม่ถึงวันกำหนดฉัน ตื่นขึ้นแต่เช้ารู้สึกเหน็บชาตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงหนังศีรษะ แต่ก็ทำต่อไปจนตลอดพรรษา ร่างกายรู้สึกซีดผอมเหี่ยวแห้งมาก ออกพรรษาแล้วก็กลับมาฉันทุกวัน ได้ ๑๖ วัน ปรากฏมีเหงื่อชุ่มปลายเท้า ปลายมือ และริมฝีปาก ส่วนผิวหนังก็หุบเหี่ยวเปราะลอกออกได้ยาว ๆ ตามหลังมือ หรือข้อศอก ผิวหนังที่ลอกออกมามองใส่ตะวันเห็น รูขนเป็นแถว ๆ



ได้พิจารณาเป็นอนิจจัง ดวงชีวิตยังตั้งอยู่ภายในกายนี้ แต่ผิวหนังที่ลอกออกมานี้ เขาตายไปแล้วจากความเป็นอยู่แห่งชีวิต ครั้นพิจารณาดังนี้ก็เกิดความสังเวชขึ้นมาก รู้สึกจิตดิ่งลงไปตั้งอยู่เป็นปกติ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น