วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สามเณรบุญนาค:พระอลัชชี โยมเดียรถีย์

สามเณรบุญนาค:พระอลัชชี โยมเดียรถีย์


ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้ว ก็ลงจากเขาไปบ้าน ชักชวนพี่ชายออกเที่ยวกรรมฐาน และบอกว่าไม่ช้าจะพาทำสังคายนา พี่ชายก็ติดตามไปถึง อำเภอท่าบุ่ง มีโยมหลายคนมาฟังธรรมเทศนา มีนายพิมพ์และนายอิน เป็นต้น ได้แสดงธรรมเทศนาเพื่อประกาศ พระศาสนาตามความสำคัญวิปลาสของตนว่า ธัมมะ วาทิโน ทุพพะลา โหนติ อะวินะยะวาทิโน พะละ วันโต โหนติ แปลเอาเนื้อความว่า ในกาลก่อน พระธรรมวาทีมีกำลังกล้า รักษาธรรมวินัยในศาสนานี้ เรียบร้อย เป็นที่น่าเลื่อมใสบูชา


บัดนี้ อธรรมวาที คือภิกษุโจรปล้นพระศาสนา มีกำลังกล้าเบียดเบียน ประพฤติย่ำยีพระธรรมวินัยให้เสื่อมสูญ เป็นตัวอย่างแก่กุลบุตรผู้บวชเมื่อภายหลัง ฝ่ายญาติโยมกลายเป็น เดียรถีย์ ให้กำลังแก่พระอลัชชี ประพฤติย่ำยีพระพุทธศาสนา เช่น ทำพระให้เป็นหมอดู และหมอขับภูตผี และทำการติดต่อยืมเงินยืมทองของพระไปเป็นทุนซื้อขาย แบ่งทุนแบ่งกำไรกันและกัน นี้แหละฝ่ายพระก็เป็นอลัชชี ฝ่ายโยมก็เป็นเดียรถีย์ ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ช่วยกันย่ำยีพระพุทธศาสนา เป็นมหาโจรปล้นพระศาสนาทั้งนั้น ตกลงว่าท่านเหล่านี้ กาลัง กัตวา ครั้นทำกาลกิริยาตายไปแล้ว จะไปตกมหาอเวจีนรก ด้วยโทษประพฤติเป็นอลัชชี ย่ำยีพระธรรมวินัยให้เสื่อมทรุดชำรุดไป


จากนั้นก็แสดงไปหลายนัยอเนกประการ เมื่อเทศนาจบลงมีคนแสดงความเลื่อมใสมาก ขอปฏิญาณตนเป็นอุบาสกในพระศาสนาเสียใหม่ เพื่อชำระบาปกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว ขุนคีรีสมันการ ปลัดขวาอีกคนหนึ่งเห็นพร้อมด้วย นอกนั้นเขาก็ว่า แสดงธรรมกระทบกระทั่งไม่เรียบร้อย จนกระทั่งเจ้าคณะแขวงก็เข้าใจว่าแกล้งแสดงธรรมกระทบท่าน สั่งไปกับปลัดขวาว่า "ให้สามเณรหลบหนีไปเสียดีกว่า มิฉะนั้นจะเดือดร้อนทั้ง ๒ ฝ่าย"


ขุนคีรีสมันการ ก็นำความอันนั้นมาแนะนำว่า "เจ้าคณะท่านเคือง ขอเณรจงหลบไปเสียก่อน" ขุนคีรีสมันการเล่าให้ฟังด้วยว่า "บัดนี้ยังมีอาจารย์ ๒ ท่าน คือ พระอาจารย์สิงห์ องค์หนึ่ง พระมหาปิ่น องค์หนึ่ง ท่านใฝ่ใจในทางนี้ ขอท่านสามเณรจงหลบไปหาท่านเหล่านั้นเถิด เวลานี้ท่านอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น" อาตมภาพได้ทราบข่าวว่าท่านเหล่านี้รักษาธุดงค์ และมุ่งประโยชน์ในพระศาสนา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น