วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สามเณรบุญนาค:เผชิญหน้าช้างป่า

สามเณรบุญนาค:เผชิญหน้าช้างป่า


พอไปถึงที่แห่งหนึ่ง เป็นหนทางช้างเดินแถบชายภูเขา ขณะนั้นยังไม่รู้ว่าที่นั้นเป็นทางช้าง เห็นแต่ว่าที่นี้เตียนดี เมื่อเราต้องการเดินจงกรม ก็จะได้เดินตามแนวนี้ และที่นั้นมีต้นตะเคียนใหญ่ และมีเครือหวายเป็นพุ่มห้อยล้อมต้นตะเคียนดกหนา เป็นร่มดี อาตมภาพจึงตรึงกั้นมุ้งลง (ปักกลด) เพื่อพักอาศัยในที่นั้นเสร็จแล้วก็นั่งสมาธิในที่นั้น


ต่อมาตอนดึกจวนรุ่งเวลา ๙ ทุ่ม (ตี ๓) เผอิญมีช้างเผือกใหญ่ตัวหนึ่งเป็นประธานในช้างทั้งหลาย เดินผ่านเชือกที่แขวนกลด ทำให้ขาดตกลงแล้วได้ยินเสียงช้างกระดิกหูดังโปะๆ ก็นึกตกใจว่านี่เป็นเสียงอะไร เปิดมุ้งขึ้นดูเห็นช้างยืนใกล้กลดอยู่ ก็นึกตกใจจนหายใจไม่ออก แน่นหน้าอกขึ้นมา ก็ค่อยคลานออกจากมุ้งเข้าไป อาศัยพุ่มหวายที่รกห้อมล้อมต้นตะเคียนอยู่ ไม่ช้า ช้างก็ฉวยเอามุ้งขึ้นพาดบนศีรษะของมัน แล้วจับเหวี่ยงลงมาแล้วก็เอาเท้าขยี้ ทำดังนี้จนมุ้งและกลดแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี ช้างยืนอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หันหน้าไปทางต้นตะเคียน แล้วดึงเครือหวายตรงที่นั้นกินเป็นอาหาร ตกลงว่าเวลานั้นได้ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหวายใต้คางช้าง


อีกไม่นานหมู่ช้างก็เดินตามกันมาอีก ๒๑ ตัว มาทันช้างตัวที่กินหวายอยู่ก่อนนั้น ต่างตัวก็มายืนห้อมล้อมต้นตะเคียนดึงเครือหวายลงมากินเป็นอาหาร อาตมภาพรู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก เพราะความกลัวอยู่สักครู่หนึ่ง นึกขึ้นได้ว่า มาคราวนี้ เพื่อบำเพ็ญกิจของพระศาสนา ฉะนั้นขออันตรายทั้งหลายจงพินาศฉิบหายไปด้วยอำนาจคุณพระรัตนตรัย


พออธิษฐานเสร็จแล้วก็เกิดคันตามลำคอ และแสบจมูกขึ้นมา ทนไม่ได้ก็ไอและกระแอมขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง ฝ่ายช้างทั้งหลายเหล่านั้นตื่นเสียงไอ ก็พากันวิ่งแตกตื่นหนีไป ในขณะนั้นก็พอดีสว่าง ออกมามองหาบาตรและห่อผ้า เห็นไปอยู่ในเหวซึ่งช้างมันเหวี่ยงลงไป ก็ค่อย ๆ คลานลงไปที่เหว เอาบาตรและผ้าขึ้นมาได้ แล้วก็ครองผ้าอุ้มบาตร เข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้านนั้น


นายดีผู้ใหญ่บ้านถามว่า "คุณพักที่ไหน ช้างไม่รบกวนคุณหรือ" อาตมภาพก็นิ่งอยู่ไม่พูดและไม่ ตอบกระไร แกก็แปลกใจบ่นว่า "พระเณรอะไร ถามไม่พูด" แกก็ตามออกไปดูที่อยู่ เห็นรอยช้างมันขยี้กลดและมุ้งแหลกป่นปี้ แกจึงถามอีกเป็นครั้งที่สองว่า "เวลาช้างมันมาทำลายของท่านใต้เท้าไปอยู่ที่ไหน ช้างจึงไม่ทำร้ายตัวของใต้เท้าด้วย" อาตมภาพก็นั่งฉันข้าวเรื่อยไป มิได้พูดและตอบโยมคนนั้น ด้วยคำใดคำหนึ่งเลย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น