วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สามเณรบุญนาค:ถูกจับขังคุก

สามเณรบุญนาค:ถูกจับขังคุก


ตกลงท่านก็มอบให้ฝ่ายบ้านเมืองนำตัวไป พิสูจน์ว่าเป็นคนอย่างไรแน่ ปุลิศนายตำรวจก็นำตัวอาตมภาพไปขังไว้เรือนจำของศาลเมืองสองคร ได้สองวัน นายอำเภอเมืองสองครจึงนำตัวของอาตมภาพ ไปยังศาลเพื่อชำระคดีเรื่องนั้น กับ ท่านพระครูเขียวเจ้าคณะแขวงเมืองสองคร


นายอำเภออ่านคดีฟ้องเสร็จแล้ว ถามอาตมภาพว่า "ได้ว่าให้ท่านพระครูเช่นนี้หรือไม่" อาตมภาพตอบว่า "ได้ว่าอย่างนั้นจริง แต่ไม่ได้ว่าให้ท่านพระครู" นายอำเภอจึงถามต่อไปว่า "เณรว่าให้ใคร" อาตมภาพตอบว่า "อาตมาว่าที่ปากของอาตมาเอง ไม่ได้ว่าให้ใครและไม่ได้ว่าออกชื่อของใคร ว่าคนชื่อนั้นชื่อนี้ไม่รักษาธุดงค์ มีความโลภและความปรารถนาไม่ชื่อว่าสมณะนี้หามิได้ เป็นแต่อาตมาว่าไปตามคาถาธรรมบทที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เท่านั้น"


ท่านพระครูเขียวท่านก็ว่า "บ้าใบ้ ถ้าไม่พูด มันก็ไม่พูด ถ้าพูดมันเล่นสำนวน จริงหรือไม่เณร" อาตมภาพตอบว่า "จริงครับ ตามความประสงค์ของท่าน แต่จะจริงตามคำของพระพุทธเจ้าก็หามิได้"


ท่านถามต่อไปว่า "จริงตามคำของพระพุทธเจ้านั้นอย่างไร" อาตมภาพตอบว่า "จริงคือความดับนั้น แหละเป็นความจริงของพระพุทธเจ้า"


ท่านถามต่อไปว่า "ดับอะไร" อาตมภาพตอบว่า "ดับความโกรธ และความจองล้างจองผลาญ จึงได้นามว่า สาวะกะ คือ สาวกผู้ฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า"


ท่านถามต่อไปว่า "เณรดับได้และฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วหรือยัง" อาตมภาพตอบว่า "ถ้าผมดับความโกรธและความจองล้างจองผลาญกับคนอื่นได้ ก็ได้ชื่อว่าผมดับและฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าผมดับไม่ได้ ผมก็ยังไม่ดับนั้นเอง"


ท่านจึงถามต่อไปว่า "เดี๋ยวนี้เณรดับได้ไหม" อาตมภาพตอบว่า "ถ้าผมดับความโกรธของผมได้เดี๋ยวนี้ก็ดับได้ ถ้าผมดับยังไม่ได้ผมก็คงยังดับไม่ได้อยู่นั้นเอง"


"ถ้าเช่นนั้น เณรเป็นอรหันต์แล้วหรือ" อาตมภาพตอบว่า "ถ้าผมสิ้นอาสวะผมก็เป็นพระอรหันต์ ถ้าผมยังไม่สิ้นอาสวะผมก็ยังเป็นปุถุชนอยู่"


ท่านถามอีกว่า "เณรสิ้นอาสวะแล้วหรือยัง" อาตมภาพตอบว่า "ถ้าผมสิ้นไปแล้วจากอาสวะ อาสวะก็สิ้นไปจากผม ถ้าผมยังไม่สิ้นจากอาสวะ อาสวะก็ยังอยู่ที่ผม"


จากนั้นไป นายอำเภอเมืองสองครจึงว่า "หยุดก่อนครับ ท่านพระครูอย่าเร่งถามเณรนักในเรื่องเช่นนี้ ผมเข้าใจดีว่าเณรไม่ใช่คนใบ้และบ้าเลย ท่านองค์นี้เป็นนักพรต คือผู้บำเพ็ญเพียรในศาสนาแน่นอน" จากนั้นนายอำเภอจึงถามว่า "เณรมีอายุเท่าไร" อาตมภาพตอบว่า "เวลานี้อายุของสังขาร ๑๘ ปีนี้" นายอำเภอจึงว่า "ผมขอนิมนต์เณรอยู่วัดในเมืองนี้ได้หรือเปล่า" อาตมภาพตอบว่า "ได้แต่เฉพาะวันที่อาตมภาพมาอยู่ ถ้าอาตมภาพไปแล้ว ก็เป็นอันว่าไม่ได้อยู่"


จากนั้นไปทางศาลก็ตัดสินยกเลิกว่า ไม่จำเป็นจะเกี่ยวข้องในท่านผู้เช่นนี้ เพราะท่านเที่ยวบำเพ็ญส่วนกุศลเท่านั้น ท่านไม่หวังว่าจะอยู่ในท้องถิ่นเขตแดนของใคร จะไปหรือจะอยู่ก็แล้วแต่เรื่องของท่านเท่านั้น จากนั้นก็เลิกแล้วกันไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น