วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สามเณรบุญนาค:นิ่งเสียตำลึงทอง

สามเณรบุญนาค:นิ่งเสียตำลึงทอง


เมื่ออาตมภาพตกลงเช่นนี้แล้ว ก็ออกจากโบสถ์ เข้าสู่ถ้ำที่อยู่ตามเดิม บำเพ็ญเพียรพิจารณา อนัตตา ธรรม เป็นลำดับไป มิได้เพ่งกสิณอย่างเดิม โดยเหตุว่าปัญญาเกิดขึ้น ทั้งนี้ก็เนื่องจากอุปสรรคเช่นนั้น จะเป็นอันตรายแก่ข้อปฏิบัติ บำเพ็ญอยู่ที่นั้นตลอดฤดูแล้ง ต่อมาฤดูฝนจวนเข้าพรรษา ญาหลวงเมืองวัง ไทยเราเรียกนายอำเภอ ต้องการอยากพบสามเณรกรรมฐานที่ไม่พูด อยู่ถ้ำเต่างอย จึงใช้ปุลิศ (ไทยเรียกตำรวจ) ไปนำตัวของอาตมภาพไปที่ว่าการอำเภอ แล้วซักไล่ ไต่ถามด้วยอรรถด้วยธรรม เป็นต้นว่า ศีล ๑๐ กรรมบถ ๑๐ เหล่านี้เป็นต้น และกรรมฐาน ๔๐ คืออะไรบ้าง


อาตมภาพก็นั่งพิจารณาว่า คนเช่นนี้มิใช่ผู้ถามเพื่อปฏิบัติ มาถามเพื่อทดลองเล่นเท่านั้น เมื่อจะกล่าวแก้ หรือก็ไม่เห็นประโยชน์แก่ผู้มาถามด้วยความประมาท เช่นนี้ ทั้งเราก็เปล่าทั้งนั้น ก็คงเป็นสักเพียงแต่จะพูด ให้เขาเห็นดีในตนเท่านั้น ตกลงดีหรือชั่วเราก็ปฏิบัติเอาเท่านั้น จะได้มาจากคำพูดให้ผู้อื่นเห็นดีก่อนจึงจะดีก็หามิได้ เมื่อพิจารณาเช่นนี้ อาตมภาพก็นั่งนิ่ง ไม่พูด นายอำเภอแกก็ว่า คนเช่นนี้จะเป็น พระเป็นเณรอย่างไรได้ ทั้งใบ้ทั้งหนวกทั้งบ้า


อาตมภาพก็พิจารณาขึ้นทันที ทักท้วงจิตของตนว่า นี้เขาว่าใคร จิตรับว่า เขาว่าให้ธาตุ ๔ คือ รูป เมื่อไม่มีธาตุ ๔ คือ รูปนี้ เราก็ไม่เห็น เขาก็ไม่ว่า เพราะข้าพเจ้า คือ จิต ไม่มีตัว เขาก็ไม่เห็น เมื่อไม่เห็น เขาจะว่าใคร หูเท่านั้นเป็นผู้ได้ยิน เขาดูถูกก้อนธาตุ เขาไม่ได้ดูถูกใจ เพราะใจไม่มีตัว เขามองไม่เห็น เขาจะดูถูกได้อย่างไร ผู้ที่ว่าเขาก็คงมองเห็นก้อนธาตุคือหน้าตานี้เป็นเรานั้นล่ะ จากนั้นเขาจึงว่า เขามองเห็นก้อนธาตุ ๔ เขาก็ว่าไป ตามความพอใจของเขา จะยุ่งอะไรนัก อาตมภาพก็หลับตาลง นั่งขัดสมาธิขึ้นในทันใด อยู่อย่างนั้นทั้งวันตลอดค่ำ


พอสว่างก็ออกไปนั่งอยู่ที่วัด มีคนเขาหาข้าวมาให้ฉัน อาตมภาพฉันแล้วก็กลับไปสู่ถ้ำตามเคย บำเพ็ญเพียรพิจารณาวิปัสสนาภูมิตั้งต้นแต่ขันธ์ ๕ เป็นต้นไป อยู่จนจวนวันเข้าพรรษา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น